Six thinking hats การจัดการความรู้, จุดประกายคิด, ทรัพยากรบุคคล
ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบ โน
เป็นปรมาจารย์ทางด้านการคิดชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงรู้จักกันทั่วโลก
เขาได้ศึกษาและคิดค้นวิธีคิด (Thinking Method)
เพื่อช่วยให้มนุษย์มีการคิดที่มีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ และครอบคลุม
รอบด้านยิ่งขึ้นเดอ โบ โน เกิดเมื่อปี ค.ศ.1935
จบการศึกษาทางด้านการแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เขามีความ
สนใจเรื่องการทำงานของสมอง
และใช้เวลาค้นคว้าในเรื่องทักษะการคิดมาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี โดย เดอ
โบ โน ไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดในรูปแบบเดิม
ที่คนเรามักนิยมทำกันเมื่อถกเถียงหรืออธิบายหาเหตุผล
(นั่นคือเอาข้อเท็จจริง อารมณ์ หรือเหตุผลส่วนตัว
มาปะปนกันในการถกเถียงเพื่อหวังเป็นผู้ชนะ)เดอ โบ โน เชื่อว่าวิธีการคิด
การหาเหตุผลดังกล่าวข้างต้นเป็นวิธีที่ผิดและเสียเวลา
ดังนั้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 1970 เขาจึงเสนอวิธีคิดแบบ Six Thinking Hats
หรือ การคิดแบบหมวก 6 ใบ ขึ้น โดยแยกกรอบความคิดออกเป็นด้านๆ อย่างชัดเจน
จากนั้นจึงวิเคราะห์หา เหตุผลภายในกรอบความคิดนั้นๆ
อันจะช่วยพิจารณาสิ่งต่างๆ ได้ครอบคลุม และมีคุณภาพมากขึ้น
แทนที่จะคิดทุกด้านในเวลาเดียวกัน
ซึ่งมักก่อให้เกิดความสับสนหมวกแห่งความคิด 6 ใบ หรือการคิด 6 ด้าน
ประกอบด้วย? หมวกสีขาว หมายถึงข้อมูลข่าวสาร ? หมวกสีแดง
หมายถึงอารมณ์ความรู้สึก? หมวกสีดำ หมายถึงการตั้งคำถามหรือตั้งข้อสงสัย?
หมวกสีเหลือง หมายถึงการมองในแง่ดีเต็มไปด้วยความหวัง ? หมวกสีเขียว
หมายถึงการ คิดอย่างสร้างสรรค์ ? หมวกสีฟ้า
หมายถึงการสามารถควบคุมความคิดทั้งหมดให้มองเห็นภาพรวมของการคิดดร.เดอ โบ
โน ได้ยกตัวอย่างการนำวิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ มาใช้ในการบริหารองค์กรเช่น
ในการประชุมแทนที่ทุกคนจะตั้งป้อมหาเหตุผล
มาหักล้างกันผู้บริหารอาจเริ่มให้ทุกคนสวม ?หมวกสีขาว? คิด
ด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของแต่ละคนออกมา ไม่ต้องวิเคราะห์หรือ
ถกเถียงกันว่าข้อมูลของใครดีกว่ากัน ต่อมาถึงขั้นตอนการคิดแบบ ?หมวกสีแดง?
ทุกคนสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกในเรื่องนั้นได้อย่าง เต็มที่ จากนั้นเป็น
?หมวกสีดำ? ขั้นตอนของการใช้เหตุผลวิพากษ์ วิเคราะห์ ตั้งข้อสงสัย
ข้อควรระวัง ตามด้วย ?หมวกสีเหลือง? ซึ่งเป็นสีของความหวัง
ที่ทุกคนจะหาแง่มุมด้านบวกของประเด็นนี้
(แม้คนไม่เห็นด้วยก็ต้องพยายามหาข้อดีของประเด็นนั้น) เมื่อถึงช่วง ของ
?หมวกสีเขียว? จะเป็นโอกาสที่ทุกคนต้องแสดงความคิดสร้างสรรค์
กล่าวคือหาทางออก หรือแนวคิดใหม่ๆ
เพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ลำดับสุดท้ายเมื่อทุกคนสวม ?หมวกสีฟ้า?
จะเป็นการมองภาพรวมหาบทสรุป และสำรวจความคืบหน้าของการคิดหรือการอภิปราย
ที่ได้ดำเนินมาตั้งแต่ต้นขั้นตอนการคิดแบบหมวก 6 ใบ
ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าต้องเริ่มคิดที่หมวกสีขาวก่อนแล้วจึงไปจบลงที่หมวกสี
ฟ้า แต่สามารถใช้ความคิด แบบหมวกสีใดก่อนก็ได้
หรือคิดกลับไปกลับมายังหมวกสีใดกี่รอบก็ได้ตามต้องการ
ที่สำคัญคือควรคิดให้ครบถ้วนทั้ง 6 แบบ เพื่อความ
สมบูรณ์ในการคิดรอบด้านวิธีการคิดแบบหมวก 6 ใบ
จะทำให้เกิดการโต้เถียงในที่ประชุมน้อยลงเพราะไม่นำความคิดหลากหลายด้านมา
ปะปนกัน ทำให้ช่วยประหยัด เวลาได้มาก ดังกรณีตัวอย่างบริษัท ไอ บี เอ็ม
ที่นำวิธีคิดแบบนี้มาใช้ สามารถลดเวลาในการประชุมแต่ละครั้งได้ถึง
75%ด้วยเหตุที่เป็นวิธีการที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และใช้ได้ผลดี
จึงมีองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลก
นำเครื่องมือการคิดดังกล่าวไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ในการพัฒนาองค์กร เช่น
บริษัทดูปองท์ ไอบีเอ็ม บริติซแอร์เวย์ องค์การโทรศัพท์
และคมนาคมแห่งญี่ปุ่น (NTT) เป็นต้นนอกจากจะมีการนำไปใช้ในองค์กรต่างๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว หลายประเทศทั่วโลกยังได้นำการคิดแบบหมวก 6 ใบ
ไปฝึกทักษะการ คิดของนักเรียนในโรงเรียนเช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ
ออสเตรเลีย อิสราเอล สวีเวน และสิงคโปร์ เป็นต้น ในบางประเทศ เช่น
เวเนซูเอลา
กฎหมายการศึกษาได้กำหนดให้ครูทุกคนต้องผ่านการฝึกหลักสูตรการคิดแบบหมวก 6
ใบ ก่อนจึงเข้าเป็นครูได้สำหรับประเทศไทย
ได้มีเอกชนจัดตั้งศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity Center)
ตามแนวทางของเดอ โบโน ขึ้นโดยเปิดอบรม หลักสูตรการคิดแบบหมวก 6 ใบ
ผู้ที่มาเข้ารับการอบรมส่วนใหญ่
เป็นผู้บริหารหรือพนักงานขององค์การธุรกิจเอกชนที่สนใจนำทักษะการ
คิดดังกล่าวไปพัฒนาตนเองและองค์การ สำหรับนำไปใช้ในโรงเรียนในประเทศไทย
ยังไม่มีโรงเรียนใดนำไปรวมในหลักสูตรการเรียน การสอนโดยตรง
แต่จะเป็นไปในรูปแบบที่ครูซึ่งสนใจโดยส่วนตัว
นำไปทดลองใช้กับลูกศิษย์ตนในโรงเรียนหนึ่งในตัวอย่างของครูไทยที่ได้นำวิธี
คิดแบบหมวก 6 ใบไปให้นักเรียนฝึกฝนความคิดตามแนวทางนี้คือ อาจารย์ชาตรี
สำราญ ครูต้นแบบสาขาภาษาไทยของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ประจำปี
2541 แห่งโรงเรียนคุรุชนพัฒนา อำเภอเมือง
จังหวัดยะลาอาจารย์ชาตรีได้ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการฝึกทักษะการคิด
แบบหมวก 6 ใบ แก่เด็กนักเรียน โดยกิจกรรมง่ายที่สุดที่สามารถ นำมาใช้ได้
คือการมอบหมายให้นักเรียนอ่านข่าวหรือบทความจากหนังสือพิมพ์
แล้วนำมาร่วมกันสรุปความคิดโดยตั้งคำถามแบบหมวก 6 ใบ สมมุติว่า
ตัวอย่างสถานการณ์ข่าวที่นำมาให้ร่วมวิจารณ์คือ
?ตำรวจทางหลวงจับพ่อค้ายาบ้า ขณะนำยาบ้ามาจากเชียงราย
เพื่อส่งขายลูกค้าที่กรุงเทพฯ ได้ยาบ้าจำนวน 25,800
เม็ด?อาจารย์ชาตรีให้เด็กนักเรียนแต่ละคนอ่านข่าว
และเขียนแสดงความคิดเห็นลงในกระดาษ
หรือให้ร่วมกันอภิปรายโดยใช้การคิดแบบหมวก 6 ใบ
เป็นรูปแบบการแสดงความคิดเห็นหมวกสีขาว ครูช่วยตั้งประเด็นคำถาม
มุ่งหาข้อมูลจริงที่ปรากฏในข่าว
ทั้งนี้ครูต้องระวังมิให้ข้อคิดเห็นของตนปนเข้าไปในคำถาม
ครูอาจถามว่าข้อมูลหลักๆ ในข่าวนี้มีอะไรบ้างการคิดแบบหมวกสีขาว
นักเรียนต้องตอบตามข้อมูลที่ปรากฏเช่น ?ตำรวจทางหลวงจับพ่อค้ายาบ้า?
ได้ยาบ้าจำนวน 25,8700 เม็ด ? หรือ พ่อค้ายาบ้ารายใหญ่? หรือ
?ได้ยาบ้าจำนวนมหาศาล ถึง 25,800 เม็ด?
จะเป็นข้อความที่เกินเลยความเป็นจริง เพราะบางข้อความ ที่ปรากฏคือ
?รายใหญ่? และ ?มหาศาล? นั้น
เป็นความคิดเห็นเพิ่มเติมส่วนตัวไม่มีในเนื้อข่าว
ผิดจุดประสงค์ของคิดแบบหมวกสีขาว
ซึ่งครูต้องชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงความแตกต่างดังกล่าวหมวกสีแดง
นอกจากเหตุผลแล้ว ธรรมชาติของคนยังประกอบด้วยอารมณ์ ความรู้สึก
กระทั่งลางสังหรณ์ที่อธิบายด้วยเหตุผลได้ยาก
อาจกล่าวได้ว่าหมวกสีแดงตรงข้ามกับหมวกสีขาว
ขณะที่หมวกสีขาวเสนอข้อมูลที่เป็นจริงที่เกิดขึ้น และไม่สนใจข้อมูลความจริง
แต่สนใจ
อารมณ์ความรู้สึกของตนที่มีต่อข้อมูลนั้นๆครูต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดง
ความรู้สึกภายในออกมา
เพราะอารมณ์ความรู้สึกเป็นส่วนสำคัญยิ่งของกระบวนการคิด แม้คนเรา
พยายามคิดโดยปราศจากอารมณ์
หรืออคติแต่สุดท้ายทางเลือกหรือการตัดสินใจที่ได้ทักขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคน
อยู่มาก ดังนั้นจุดมุ่งหมาย ของการคิดแบบหมวกสีแดง
ก็เพื่อเปิดโอกาสให้คนแต่ละคนได้เผยอารมณ์ความรู้สึกและข้อมูลเหตุผลมาปะปน
กันจนเกิดความสับสน
ในการคิดถึงตอนนี้นักเรียนจะแสดงความคิดในบทบาทสวมหมวกสีแดง
ครูอาจถามนำนักเรียนว่า นักเรียนรู้สึกอย่างไรต่อข่าวที่อ่าน เมื่อเด็กสวม
หมวกแสดงความคิดสีแดงเด็กอาจใส่อารมณ์พูดออกมาว่า ?พ่อค้าพวกนี้ไม่กลัวบาป?
?พ่อค้าพวกนี้ใจร้ายฆ่าคนทั้งเป็น? หรือ
?น่าจะยิงเป้าเสียให้รู้แล้วรู้รอด?
เมื่อเด็กแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาแล้ว
ครูจะได้สังเกตเห็นและชี้ให้เด็กมองเห็นว่านี่คืออารมณ์ที่มีอยู่
ในตัวมนุษย์ที่มักมีผลต่อกระบวนการคิดของคนเรา
เมื่อเด็กรู้เท่าทันก็จะไม่นำอารมณ์ความรู้สึกไปปะปนกับข้อมูลความจริงส่วน
อื่นหมวกสีดำ เป็นการพิจารณาหรือใช้วิจารณญาณ
ตั้งข้อสงสัยก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อลงไป
การคิดแบบหมวกสีดำเป็นการคิดที่มีเหตุมีผล สนับสนุนดำเนินไปอย่างรอบครอบ
และผู้คิดตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยครูอาจตั้งคำถามนำ
เช่นมีผลประโยชน์ใดแอบแฝงเบื้องหลัง การค้ายาบ้าครั้งนี้หรือไม่
เมื่อได้รับคำถามเหล่านี้ เด็กๆ จะต้องคิดหาคำตอบมาตอบปัญหา เช่น
เด็กอาจตอบว่า ถึงมีข่าวการจับกุมยาบ้า อยู่เป็นประจำ
แต่ยาบ้าคงแพร่ระบาดอยู่ทุกหนทุกแห่งในประเทศไทย
ทั้งนี้เป็นเพราะผู้มีอิทธิพลได้รับผลประโยชน์จากการค้ายาบ้าเป็นต้นหมวกสี
เหลือง เหมือนกับหมวกสีดำตรงต้องอาศัยเหตุผลมาสนับสนุนความคิด
แต่ขณะที่หมวกสีดำเป็นการตั้งข้อสงสัย (เรื่องราวเป็น
เช่นนั้นจริงหรือมีสิ่งใดแอบแฝงหรือไม่) หมวกสีเหลืองจะคิดถึงในแง่บวก
เต็มไปด้วยความหวัง แต่ความหวังนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของ
ความเป็นเหตุผลด้วย หรืออาจพูดได้ว่าการคิดแบบหมวกสีเหลือง
คือการมองไปข้างหน้า ถามตนเองว่าถ้าทำสิ่งนี้แล้ว จะเกิดประโยชน์หรือ
ผลดีอย่างไร ครูอาจตั้งคำถามเช่น
ข่าวนี้สะท้อนปรากฎการณ์ด้านบวกอย่างไรบ้าง
หรือควรทำเช่นไรเพื่อคลี่คลายสถานะการณ์การ
ค้ายาบ้าในประเทศไทยเมื่อนักเรียนสวมหมวกความคิดสีเหลือง
เด็กต้องหาเหตุผลด้านบวกมาแสดงเช่น
ระยะนี้มีข่าวจับพ่อค้ายาบ้าได้บ่อยครั้งมากขึ้น เป็นเพราะ
มีการรณรงค์ให้หลายฝ่ายร่วมมือกัน
และผู้รักษากฎหมายเอาจริงเอาจังมากขึ้นในการปราบปราม
ถ้าทุกฝ่ายเอาจริงเอาจังเพิ่มขึ้นอีก โดย คิดถึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ปัญหายาบ้าก็จะทุเลาเบาบางลงในที่สุดหมวกสีเขียว คือความคิดที่สร้างสรรค์
นำมาซึ่งทางเลือกใหม่และวิธีแก้ปัญหาใหม่
เด็กต้องตั้งข้อเสนอแนะความคิดหรือมุมมองใหม่ๆ ของตนออกมา
หมวกสีเขียวต่างจากหมวกเหลืองและหมวกสีดำตรงที่ข้อเสนอแนะหรือแนวคิดแบบหมวก
สีเขียวไม่ต้องมีเหตุผลที่หนักแน่น มาสนับสนุน
เป็นเพียงการนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ
ขึ้นสำหรับการสำรวจตรวจสอบความเป็นไปได้ของแนวคิดนั้นต่อไป ครูอาจตั้งคำถาม
เช่นอ่านข่าวเกี่ยวกับยาบ้านี้แล้ว
นักเรียนคิดว่าจะมีแนวทางใดบ้างที่จะป้องกันไม่ให้ชุมชนของเรามีคนเสพย์และ
ขายยาบ้าเด็กๆ จะร่วมกันคิดหาหนทางแก้ไข ที่แปลกแหวกแนวจากความคิดเก่าๆ
ที่เคยมีผู้เสนอมา หน้าที่ครูคือต้องกระตุ้นให้เด็กกล้าแสดง
ความคิดที่แปลกใหม่ เช่น เด็กๆ
อาจเสนอความคิดเรื่องการรณรงค์ให้ชุมชนหรือหมู่บ้านของตนเป็นเขตปลอดยาบ้า
โดยทุกบ้านต้องช่วยกันสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของการซื้อขายยาบ้าในชุมชน
อย่างจริงจัง ให้กลายเป็นชุมชน ?ปลอดยาบ้า? เพื่อเป็นแบบอย่างให้ชุมชนอื่นๆ
ทั่วประเทศ
จากนั้นครูและนักเรียนจึงถกเถียงกันถึงความเป็นไปได้และวิธีการที่จะทำให้
เกิดผลต่อการ ปฏิบัติต่อไป เป็นต้นหมวกสีฟ้า เป็นหมวกคิดของการวางแผน
การจัดลำดับขั้นตอน หมวกสีฟ้าจะเป็นเหมือนประธานของที่ประชุมเป็นผู้บอกว่า
เมื่อไรควรสวม หมวกสีใดหรือเปลี่ยนสวมหมวกสีใดหมวกสีอื่นๆ
จะมุ่งคิดแบบหมวกสีฟ้า ผู้คิดจะมุ่งสังเกตกระบวนการคิดของตนโดยทั่วๆ ไป
การคิดแบบหมวกสีฟ้าอาจครอบคลุม ประเด็นต่างๆ อาทิ
ถึงตอนนี้เรากำลังคิดแบบใดอยู่ และคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
อะไรคือข้อสรุปที่ได้จากการทบทวนหลายรูปแบบ (หลายหมวกความคิด)
และมีข้อน่าสังเกตหรือข้อท้วงติงใดบ้าง (เช่น กำลังหลงประเด็นอยู่หรือไม่
หรือใช้ความคิดแบบหมวกสีแดง
มากไปหรือไม่)ครูอาจแนะนำนักเรียนให้ตั้งข้อสังเกตว่า
พวกเขากำลังใช้เวลามากเกินกับการโต้เถียงในจุดใดจุดหนึ่งหรือไม่
หรือจนขณะนี้นักเรียนอภิปราย กันจนถึงแต่ทางเลือกเดียว
นักเรียนควรพิจารณากันถึงทางเลือกอื่นๆ ด้วยหรือไม่
เป็นต้นการคิดเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้ฝึกฝน และพัฒนาได้
การใช้วิธีคิดแบบสวมหมวกคิด 6 ใบ จะช่วยให้ผู้คิดสามารถคิดอย่างเป็นระบบ
มีขั้นตอนในการคิดอย่างสร้างสรรค์ และสามารถแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ
ได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น