วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทำไมต้องทำสมาธิ


ศาสตราจารย์ ริชาร์ด เดวิดสัน (Richard Davidson Ph.D) ได้ทำการศึกษาในพระทิเบตรูปหนึ่งชื่อ พระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด ซึ่งฝึกสมาธิมาเป็นเวลา 20-30 ปี เมื่อตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ fMRI ก็พบว่าคนที่ฝึกสมาธิเป็นเวลานานๆ สมองมีส่วนเปลือกนอกสีเทาๆ ที่เรียกว่า Gray Matter ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ของเซลล์ประสาท จะหนาตัวขึ้น นั่นหมายถึง มีเซลล์สมองเพิ่มขึ้น และบริเวณส่วนหน้าแถวหน้าผากด้านซ้าย จะมีการทำงานของคลื่นสมองดีขึ้น มีลักษณะของคลื่นสมองช้าลงและสม่ำเสมอมากขึ้น ที่เรียกว่า “คลื่นแกรมม่า” ซึ่งพบในคนที่จิตเป็นสมาธิลึกๆ 

ต่อมา เขาได้ทดลองในอาสาสมัครที่ฝึกสมาธิทุกวัน วันละ 30 นาที เช้าและเย็น เป็นเวลา 3 เดือน แล้วตรวจดูด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ fMRI ก็พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน แสดงว่า สมองคนเรามีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและการทำงาน ซึ่งเขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Neuroplasticity หรือ ความยืดหยุ่นของสมอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้นพบใหม่ และได้ทำลายความเชื่อเก่าที่ว่า สมองเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เขาได้ทดลองทั้งแบบสมถะและวิปัสสนากรรมฐานก็พบว่า ได้ผลเช่นเดียวกัน สมองของคนเราสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลาโดยการเจริญสติ ทำให้สมองสร้างเซลล์สมองใหม่ๆมากขึ้น การทำงานดีขึ้น คลื่นสมองสม่ำเสมอ ช้าลง ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่มีความสุข สุขภาพจิตดี
นอกจากนั้น เขายังได้ศึกษากรณีของอารมณ์เครียด อารมณ์โกรธ และอารมณ์ซึมเศร้า ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในสมองในทางตรงข้าม คือมันทำให้เซลล์สมองเสื่อม ความจำเสื่อมลง และเซลล์อายุสั้นลง
ที่มา สมองพัฒนาได้ ด้วยการเจริญสติ ผู้จัดการออนไลน์
 

การคำนวณค่า BMI

  
รายละเอียด :
คำนวณหาค่า BMI วัดความอ้วน เพื่อประเมินหาไขมันส่วนเกินในร่างกาย เพื่อคำนวณความเสี่ยงในการเป็นโรค

ข้อมูลเพิ่มเติม : Body Mass Index (BMI) คือ ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว / ความสูง ยกกำลังสอง

ความ สำคัญของการรู้ค่าดัชนีมวลร่างกาย เพื่อประเมินหาส่วนไขมันในร่างกาย ซึ่งค่าดังกล่าวนิยมใช้ในการคำนวณอย่าง แพร่หลาย เนื่องจากคำนวณง่าย และสามารถใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติ

ประโยชน์ใช้เพื่อ ดูอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ถ้าค่าที่คำนวนได้ มากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้าเป็นโรคอ้วนแล้ว จะมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด และโรคนิ่วในถุงน้ำดี แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ผอมเกินไป ก็จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายลดลง ดังนั้นควรรักษาระดับน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ






เครื่องมือตรวจสุขภาพ (Body Mass Indicator)

: cm
: kg

40 หรือมากกว่านี้ : โรคอ้วนขั้นสูงสุด
35.0 - 39.9: โรคอ้วนขั้นที่ 2
28.5 - 34.9: โรคอ้วนขั้นที่ 1
23.5 - 28.4: น้ำหนักเกินแล้ว
18.5 - 23.4: น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
น้อยกว่า 18.5: น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์








วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การป้องกันยุงลายโดยใช้มะกรูด

  เผยภูมิปัญญาชาวบ้าน อสม.คลองวัว จ.อ่างทอง ใช้ "มะกรูด" ป้องกัน "ยุงลาย" โดยใช้ผลมะกรูดใส่ในน้ำแทนทรายอะเบทป้องกันยุงลาย
          เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 57 อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คลองวัว ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้คิดค้นวิธีป้องกันยุงลายแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยได้นำผลมะกรูดที่มีอยู่ในชุมชนใส่ลงภาชนะเปิดที่บรรจุน้ำแทนทรายอะเบท โดยได้นำไปใส่ตามโอ่ง หรือภาชนะเปิดที่บรรจุน้ำภายในหมู่บ้าน ซึ่งได้ผลตอบรับจากประชาชนในหมู่บ้านเป็นอย่างดี เนื่องจากมีกลิ่นหอมและสะดวกในการใช้ โดยหมู่บ้านคลองวัวนั้นชาวบ้านทุกหลังคาเรือน ได้มีต้นมะกรูดอยู่บริเวณบ้านและปลูกจำหน่ายเป็นจำนวนมาก เมื่อทราบว่าผลมะกรูดใช้แทนทรายอะเบทได้ มีกลิ่นหอมและยังป้องกันลูกน้ำยุงลายได้นั้น จึงเป็นที่นิยมของประชาชนในหมู่บ้านที่เก็บนำผลมะกรูดมาใส่ในภาชนะที่บรรจุ น้ำในบริเวณบ้าน
          นายโนรี วงษ์เขียว นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคลองวัว ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า กลุ่ม อสม.คลองวัว ได้คิดค้นนำผลมะกรูดสด นำมาคลึงจนได้ที่ ให้น้ำมันหอมระเหยออกมา แล้วเอาไปใส่ในภาชนะบรรจุน้ำ พบว่ามีคราบน้ำมันเป็นฟิล์มลอยอยู่ในน้ำจำนวนมาก ทำให้ลูกน้ำยุงลายไม่สามารถขึ้นมาหายใจได้จนตายไป และยุงลายที่จะมาวางไข่ใหม่ ก็ทำไม่ได้ จึงนำไปใช้ทดลองในหมู่บ้านและนำผลงานไปใช้ประกวดผลงานของ อสม.ได้รับรางวัลชนะเลิศในระดับอำเภอ และได้นำมาเผยแพร่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับทราบ จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากในหมู่บ้านมีการปลูกต้นมะกรูดจำหน่ายอยู่แล้ว และเป็นผลพลอยได้ที่ดีกว่าการใช้ทรายอะเบท เนื่องจากชาวบ้านไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือในการใช้ทรายอะเบท และไม่ยอมนำไปใส่ในภาชนะบรรจุน้ำ เนื่องจากกลัวน้ำจะเสีย และบางคนบอกว่ามีกลิ่นเหม็น กลัวอันตราย แต่เมื่อทราบว่าผลมะกรูดใช้แทนได้จึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เนื่องจากมีกลิ่นหอมและชาวบ้านคุ้นเคยแบบธรรมชาติ
/data/content/24686/cms/e_defkmoqtuvw1.jpg
ขอบคุณที่มา : http://www.thaihealth.or.th

วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ

              ทำสมาธิ   เพื่อให้จิตใจสงบ มีพลัง มีประโยชน์ในปัจจุบันคือทำให้ใจสบาย คลายทุกข์ (ไม่ต้อง ใช้เงิน)
หนักแน่น มั่นคง อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน สมองแจ่มใส ความจำดี ทำงานมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี นอนหลับสบาย
รักษาโรคได้หลายอย่าง เรียนหนังสือเก่ง ที่สำคัญคือ " ได้บุญมาก "

 

ทำสมาธิเช้ามืดดีมาก

    วิธีทำสมาธิ  ทำได้หลายวิธี สะดวกที่สุดคือวิธีกำหนดลมหายใจ (อาณาปาณสติ)
เพราะเรา หายใจอยู่แล้ว ทำได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอริยาบท แม้ยืน-นั่ง-นอนบนรถ 


ท่านั่งดีที่สุด

- นั่งขัดสมาธิแบบพระพุทธรูป

- เท้าขวาทับซ้าย มือขวาทับซ้าย ตัวตรง หน้าตรง

- มีสติสัมปชัญญะ หลับตาตาม สบาย ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องข่มตา ทำใจให้สบายที่สุด

- รวมความรู้สึกทั้งหมดไปอยู่ที่ปลายจมูก

- พยายามรู้ที่ลม หายใจ ลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ เพียงแต่รู้เฉยๆ

- ไม่ต้องปรับแต่งลมปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

- สิ่งที่ทำหน้าที่รู้คือ ให้จิตรู้เฉยๆ 
ทำดังนั้นเรื่อยไปตามปรารถนา 5 - 10 - 20 นาที   
หมั่นทำบ่อยๆ   ถ้า จิตบริสุทธิ์จะเกิดสมาธิได้เร็ว   
เด็ก 6 - 12 ขวบสามารถทำให้เกิดสมาธิได้ใน 10 - 15 นาที

             เมื่อจิตเริ่มสงบลง มือจะรู้สึกอุ่นขึ้น จะรู้สึกกายเบา มือเบา
จะรู้สึกเริ่มสว่างขึ้น อาจรู้สึกขนลุกชันขึ้น
บางคนจะรู้สึกหลับ (เพราะสติตามไม่ทัน) เมื่อจิตสงบมากขึ้นจะรู้สึกตัวลอย
บางคนจะรู้สึกตัว โยกโคลง อาจรู้สึกน้ำตาไหล บางคนอาจรู้สึกตัวพองหรือตัวเล็ก
คือจิตเกิดปีติหรือขั้นอุปจารสมาธิ จิตสงบ ขึ้นไปอีก
บางคนจะรู้สึกลมหายใจน้อยลงๆ คือลมละเอียดขึ้น จนที่สุดเหมือนไม่ได้หายใจ
และจะรู้สึกกาย ที่อยู่นั้นหายไป นั่นคือสมาธิถึงขั้นอัปปนาสมาธิ
อย่า สนใจภาพหรือสิ่งใดที่เกิดขึ้น สนใจแต่เพียงลมหาย ใจเท่านั้น ที่สำคัญขอให้เริ่มปฏิบัติแล้วจะค่อยๆเห็นผล อนุโมทนากับทุกๆท่านครับ สาธุ   


ขอบคุณที่มา : http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=9719.0          











ก่อนออกจากบ้าน.......อย่าลืม

1. เครื่องประดับที่สวยที่สุดบนเรือนร่าง คือ รอยยิ้ม
 
2. งานที่ทำแล้วพอใจที่สุด คือ การช่วยเหลือผู้อื่น

3. ความสุขที่สุด คือ การให้

4. อาวุธร้ายแรงที่ต้องระมัดระวัง และเก็บรักษาให้ดีที่สุด คือ การพูดทำร้ายผู้อื่น

5. พลังยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จ คือ ความรัก

6. ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การทำร้ายตัวเอง

7. ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่จะต้องเอาชนะให้ได้ คือ ความกลัว

8. ยา นอนหลับที่ให้ผลดีที่สุด คือ ความสงบในใจ






วันนี้รุ่งพรุ่งมีร่วงดวงไม่แน่            วันนี้แย่พรุ่งนี้ยังกลับดังได้
วันนี้ดังพรุ่งนี้ดับกลับเปลี่ยนไป     ระวังไว้ทุกชีวิต...อนิจจัง
 

ขอให้ทุกช่วงเวลามีความหมายต่อทุกท่านครับ

ขอบคุณที่มา : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=800504


วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

proud of you (Guitar cord)




Love in your eyes
Sitting silent by my side
Going on Holding hand
Walking through the nights
Hold me up Hold me tight
Lift me up to touch the sky
Teaching me to love with heart
Helping me open my mind
I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
Till the end of the time
Believe me I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
The heaven in the sky
Stars in the sky
Wishing once upon a time
Give me love Make me smile
Till the end of life
Hold me up Hold me tight
Lift me up to touch the sky
Teaching me to love with heart
Helping me open my mind
I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
Till the end of the time
Believe me I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
The heaven in the sky
Can't you believe that you light up my way
No matter how that ease my path
I'll never lose my faith
See me fly
I'm proud to fly up high
Show you the best of mine
Till the end of the time
Believe me I can fly
I'm singing in the sky
Show you the best of mine
The heaven in the sky
Nothing can stop me
Spread my wings so wide 
 

Cr : http://the-thai-lyrics.com/song/show/559367/fiona-fung/lyrics-and-translation-proud-of-you/

 
 
PROUD OF YOU.
 
FIONA FUNG  Tabbed by Pham Hong Yhongy_bsb@yahoo.com.vn

This is a very innocent song from a very innocent little girl! Hope you like it

Intro: C  G  Am  Em  F  C  Dm  G

C            G  
Love in your eyes
        Am           Em
Sitting silent by my side
      F           C
Going on, holding hands
        Dm          G
Walking through the nights

        C           G
Hold me up, hold me tight
        Am              Em
Lift me up to touch the sky
        F                C
Teaching me to love with heart
       Dm          G 
Helping me open my mind

Chorus:
      C
I can fly
    G                Am 
I'm proud that I can fly
   Em               F
To give the best of mine
     C              Dm
Till the end of the time
   G              C
Believe me, I can fly
   G                 Am
I'm proud that I can fly
   Em               F
To give the best of mine
    G             C   
The heaven in the sky

 (verse 2 the same as verse 1)
Stars in the sky
Wishing once upon a time
Give me love, make me smile
Till the end of life

Hold me up, hold me tight
Lift me up to touch the sky
Teaching me to love with heart
Helping me open my mind

I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
Till the end of the time

Believe me, I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
The heaven in the sky

(instrument)

 F           G                   C     Am  
Can't you believe that you light up my way?
          F                           G 
No matter how that ease my path, I'll never lose my faith
       C
See me fly
    G               Am
I'm proud to fly up high
     Em              F
Show you the best of mine
     C              Dm
Till the end of the time
   G              C 
Believe me, I can fly
     G             Am
I'm singing in the sky
     Em              F
Show you the best of mine
      G            C
The heaven in the sky

 Dm              G
Nothing can stop me
 F         G            C    G   Am  F   G    C
Spread my wings ... so wide


Link for Guitar cord : http://www.911tabs.com/tabs/f/fiona_fung/proud_of_you_tab.htm#2254814

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บ้านพักคนชรา

 
แม่.........."ลูกจ๋า อย่าส่งแม่ไปบ้านพักคนชราเลย!"
ลูกสะใภ้พูดว่า
“ทำจืดแม่ก็ว่าไม่มีรสชาติ ตอนนี้ทำเค็มนิดหนึ่ง แม่ก็ว่ากินไม่ได้ แล้วจะเอายังไง!”
เมื่อแม่เห็นลูกชายกลับมา ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่กลืนข้าวเข้าปาก ลูกสะใภ้มองตามด้วยความโกรธเมื่อลูกชายลองชิมอาหารที่แม่กำลังกิน ก็พูดกับภรรยาว่า
“ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าโรคของแม่กินเค็มมากไม่ได้?”
“เอาละ! ในเมื่อเป็นแม่ของคุณ วันหลังคุณก็ทำเองก็แล้วกัน”
ลูกสะใภ้กล่าวด้วยความโมโห แล้วก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องไป
ลูกชายเรียกตามด้วยความจนใจ จากนั้นก็หันมาพูดกับแม่ว่า
“แม่ครับ ไม่ต้องกินหรอก เดี๋ยวผมต้มบะหมี่ให้แม่กินนะครับ”
“ลูกมีอะไรจะพูดกับแม่ไหม? ถ้ามีก็บอกแม่เถอะ อย่าเก็บไว้เลย”แม่เห็นอาการกังวลของลูกชาย
“แม่ครับ เดือนหน้าผมได้เลื่อนตำแหน่ง เกรงว่าจะต้องมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เมียผมก็อยากออกไปทำงาน คือว่า....”
แม่รู้ทันทีว่าลูกชายจะพูดอะไรต่อ....
“อย่าส่งแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรานะลูก....” แม่พูดออกมาอย่างอ้อนวอน
ลูกชายนิ่งคิดไปนาน แต่ก็พยายามหาทางออกที่ดีกว่านี้

“แม่ครับ อยู่บ้านพักคนชราก็ดีนะแม่จะได้ไม่เหงา ที่นั่นมีคนดูแล ดีกว่าอยู่ที่บ้านนะครับ หากเมียผมไปทำงาน เธอจะไม่มีเวลาดูแลแม่เลยนะครับ”

หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาทานบะหมี่ จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องหนังสือ เขายืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง ในใจเกิดความสับสนขัดแย้ง ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี!

แม่ของเขาเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว กล้ำกลืนทนทุกข์เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ อีกทั้งส่งเสียให้เรียนยังต่างประเทศ แต่แม่ไม่ได้อ้างสิ่งที่ทำไปเป็นเบี้ยต่อรองให้เขาต้องเลี้ยงดู กลับกันภรรยาผู้มาทีหลังกลับเรียกร้องให้เขาต้องรับผิดชอบ นี่เขาต้องส่งแม่ไปอยู่บ้านพักคนชราจริงหรือ?
“คนที่จะอยู่กับแกในช่วงบั้นปลายชีวิตคือเมียนะโว้ย ไม่ใช่แม่!” เพื่อนๆมักจะเตือนเขาอย่างนี้

“แม่ของเธอแก่แล้วนะ หากโชคดีก็อยู่กับแกได้อีกหลายปี ทำไมไม่อาศัยเวลาที่เหลือของแม่แล้วก็กตัญญูปรนนิบัติท่านละ อย่ารอให้แกอยากกตัญญูแต่แม่ไม่อยู่แล้ว แล้วแกจะเสียใจ!” ญาติๆมักจะเตือนเขาว่าอย่างนี้ เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อ กลัวว่าตนเองจะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจ
เย็นแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เขานั่งเงียบๆคนเดียวด้วยจิตใจที่หดหู่

ณ บ้านพักคนชราที่แสนจะหรูหรานอกชานเมือง เขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดต่อแม่ของเขา อย่างน้อยที่นี่ก็สะดวกสบาย

 
เมื่อเขาพยุงแม่เข้าสู่ตัวอาคาร ทีวีจอยักษ์กำลังฉายภาพยนตร์ตลกอยู่ แต่ไม่มีเสียงหัวเราะจากผู้ชมแม้แต่คนเดียว คนชราจำนวนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน นั่งอยู่บนโซฟานั่งมองประตูทางเข้าด้วยสายตาอันเหม่อลอย หญิงชราคนหนึ่งกำลังก้มตัวลงไปเก็บขนมที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาใส่ปาก
เขารู้ว่าแม่ชอบห้องที่สว่างโล่ง จึงเลือกห้องที่แสงพระอาทิตย์สามารถสาดส่องเข้ามาได้ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบไม้กำลังร่วงลงสู่พื้นหญ้าเป็นจำนวนมาก นางพยาบาลหลายคนกำลังเข็นรถเข็นที่มีคนชรานั่งอยู่ออกไปชมพระอาทิตย์ตกดิน รอบตัวเงียบสงัด ทำให้เขาสะท้านวาบในจิตใจ

แม้แสงพระอาทิตย์ยามลับขอบฟ้าจะงดงามสักเพียงใด นั่นก็หมายความว่าความมืดยามค่ำคืนกำลังจะย่างกรายเข้ามาแทนที่ เขาถอนหายใจเบาๆ

“แม่ครับ ผม....ต้องไปแล้วนะ” ผู้เป็นแม่ทำได้เพียงแค่พยักหน้า
ตอนที่เขาเดินจากมา แม่ยังคงโบกมือลาด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย อ้าปากพูดโดยไม่มีเสียงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเขาหันมามอง จึงเห็นผมสีดอกเลาของแม่ เขานึกในใจ “แม่แก่แล้วจริงๆ”

อยู่ๆ ภาพในครั้งอดีตก็ผุดขึ้นในห้วงแห่งความคิด ปีนั้นเขาอายุได้เพียงแค่6ขวบ แม่มีธุระต้องไปต่างจังหวัด จึงต้องพาเขาไปฝากไว้ที่บ้านคุณลุง ตอนที่แม่จะออกจากบ้านไป เขารู้สึกกลัวมาก เอาแต่กอดขาแม่ไม่ยอมให้แม่ไป

“แม่จ๋าอย่าทิ้งหนูไป แม่จ๋าอย่าทิ้งหนูนะ!” สุดท้าย แม่ก็ไม่กล้าทิ้งเขาไปต่างจังหวัด

เขารีบก้าวเท้าเดินออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เมื่อปิดประตูแล้วก็ไม่กล้าหันไปมองแม่อีก

เมื่อกลับถึงบ้าน เขาเห็นภรรยาและแม่ยายกำลังเก็บเอาข้าวของของแม่โยนออกมานอกห้อง

ถ้วยรางวัลรูปคนยืนสูงประมาณ3ฟุตที่เขาชนะเลิศประกวดเรียงความ “แม่ของฉัน”

พจนานุกรมอังกฤษจีนที่แม่ซื้อให้เขาในวันเกิดซึ่งเป็นของขวัญชินแรกที่เขาได้รับจากแม่

ยังมียาหม่องน้ำที่แม่ต้องทาขาก่อนนอนทุกวันฯ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! พวกคุณโยนของๆแม่ผมออกมาทำไม?” เขาถามออกไปด้วยความโมโหสุดขีด

“ขยะทั้งนั้น ถ้าไม่ทิ้ง แล้วฉันจะเอาของๆฉันวางไว้ตรงไหน?”แม่ยายพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ใช่แล้ว คุณรีบเอาเตียงเน่าๆของแม่คุณไปทิ้งได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะซื้อเตียงใหม่ให้แม่ฉัน!”

รูปเก่าๆสมัยเขายังเด็กกองอยู่กับพื้น มันเป็นรูปที่แม่พาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์และสวนสนุก

“นั่นมันเป็นสมบัติของแม่ผม ใครก็เอาไปทิ้งไม่ได้!”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ มาทำเสียงดังกับแม่ฉันได้ยังไง ขอโทษแม่ฉันเดี๋ยวนี้!”

“ผมเลือกคุณก็ต้องรักแม่คุณด้วย แต่คุณแต่งงานเข้ามาอยู่บ้านผม ทำไมคุณรักแม่ผมไม่ได้?”

ท้องฟ้าอันมืดมิดหลังฝนตก หนาวสะท้านเข้าไปถึงหัวใจ ท้องถนนที่ว่างเปล่าไร้รถรา บีเอ็มดับบลิวคันหนึ่งพุ่งไปข้างหน้าราวกับอยู่ในสนามแข่ง พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ของชายคนหนึ่งซึ่งมุ่งไปทางบ้านพักคนชรานอกเมือง

จอดรถเสร็จ เขารีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องพักของแม่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขายืนมองแม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่น่าให้อภัยตัวเอง แม่ของเขาก้มหน้าใช้มือนวดที่ขาของตัวเอง

เมื่อแม่ของเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู ก็เห็นลูกชายของตัวเองยืนอยู่และในมือถือยาหม่องน้ำอยู่ และก็พูดออกมาด้วยเสียงอ่อนโยนว่า


“แม่ลืมเอามาด้วย ดีนะที่ลูกเอามาให้...”
เขาเดินไปหาแม่และคุกเข่าลงไป

“ดึกแล้วลูก แม่ทาเองได้ พรุ่งนี้ลูกต้องไปทำงานแต่เช้า กลับไปเถอะ!”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
“แม่ครับ ผมขอโทษ แม่ยกโทษให้ผมนะ กลับบ้านเราเถอะ!”

#########################
ลูกรัก ตอนที่เจ้ายังเด็ก แม่ใช้เวลาทั้งหมดค่อยๆสอนให้เจ้าใช้ช้อนใช้ตะเกียบคีบอาหาร สอนเจ้าใส่รองเท่า สอนเข้ากลัดกระดุม สอนเจ้าใส่เสื้อผ้า อาบน้ำให้เจ้า เช็ดอุจาระปัสาวะให้เจ้า สิ่งเหล่านี้แม่ไม่เคยลืม

หากวันหนึ่ง แม่จำไม่ได้ หรือเริ่มพูดช้าลง ขอเวลาให้แม่สักหน่อย รอแม่ได้ไหม ให้แม่ได้คิด...บางครั้ง สิ่งที่แม่อยากจะพูดกับเจ้า แม่อาจจะพูดกับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว

ลูกรัก ลูกจำได้ไหม แม่ต้องสอนเจ้ากี่ร้อยครั้งให้เจ้าพูดว่าคำว่าแม่ได้!

แม่ดีใจมากแค่ไหนที่เจ้าเริ่มพูดเป็นประโยคได้?

แม่ต้องตอบคำถามของเจ้ากี่ร้อยครั้ง กว่าเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่เจ้าสงสัย!

ดังนั้น หากวันหนึ่ง แม่ถามเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเรื่องเดิมๆ ขอให้เจ้าอย่ารำคาญจะได้ไหม?

ตอนนี้แม่อาจกลัดกระดุมเสื้อไม่ได้ ยามกินข้าวอาจหกเลอะเสื้อผ้า เจ้าอย่าเอ็ดแม่ได้ไหม? ขอให้เจ้าอดทนและอ่อนโยนกับแม่ ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างๆแม่ แม่ก็รู้สึกอุ่นใจ

ลูกรัก วันนี้ขาของแม่เริ่มอ่อนแรง ยืนได้ไม่ค่อยนาน เดินเหินลำบาก ขอให้ลูกจับมือและพยุงแม่ไว้ เดินเป็นเพื่อนแม่จนวันที่แม่สิ้นใจ เหมือนวันที่เจ้าคลอดมา แม่ก็พยุงเจ้าเดินอย่างนี้เหมือนกัน !