วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ปิดไฟฟังนิทาน มาลุตชาดก





อรรถกถา มาลุตชาดก

ว่าด้วย ความหนาวเกิดแก่ลม

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภบรรพชิตผู้บวชเมื่อแก่ ๒ รูป จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเห ดังนี้.
ได้ยินว่า บรรพชิตทั้งสองรูปนั้นอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง ในโกศลชนบท. รูปหนึ่งชื่อ กาฬเถระ รูปหนึ่งชื่อ ชุณหเถระ. อยู่มาวันหนึ่ง พระชุณหะถามพระกาฬะว่า ท่านกาฬะผู้เจริญ ธรรมดาว่า ความหนาวมีในเวลาไร? พระกาฬะนั้นกล่าวว่า ความหนาวมีในเวลาข้างแรม. อยู่มาวันหนึ่ง พระกาฬะถามพระชุณหะว่า ท่านชุณหะผู้เจริญ ธรรมดาว่า ความหนาวย่อมมีในเวลาไร? พระชุณหะนั้นกล่าวว่า มีในเวลาข้างขึ้น. พระแม้ทั้งสองรูปนั้น เมื่อไม่อาจตัดความสงสัยของตนได้ จึงพากันไปยังสำนักของพระบรมศาสดา ถวายบังคม แล้วทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมดาว่า ความหนาวย่อมมีในกาลไร พระเจ้าข้า?
พระศาสดาทรงสดับถ้อยคำของภิกษุทั้งสองนั้น แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน เราก็ตอบปัญหานี้แก่เธอทั้งสองแล้ว แต่เธอทั้งหลายกำหนดไม่ได้ เพราะอยู่ในสังเขปแห่งภพ แล้วทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล ณ เชิงเขาแห่งหนึ่ง มีสัตว์ผู้เป็นสหายกันสองตัว คือ ราชสีห์ตัวหนึ่ง เสือโคร่งตัวหนึ่ง อยู่ในถํ้าเดียวกันนั่นเอง. ในกาลนั้น แม้พระโพธิสัตว์ก็บวชเป็นฤาษี อยู่ที่เชิงเขานั้นเหมือนกัน. ภายหลังวันหนึ่ง ความวิวาทเกิดขึ้นแก่สหายเหล่านั้น เพราะอาศัยความหนาว. เสือโคร่งกล่าวว่า ความหนาวย่อมมีเฉพาะในเวลาข้างแรม. ราชสีห์กล่าวว่า มีเฉพาะในเวลาข้างขึ้น. สหายแม้ทั้งสองนั้น เมื่อไม่อาจตัดความสงสัยของตน จึงถามพระโพธิสัตว์.
พระโพธิสัตว์จึงกล่าวคาถานี้ว่า
ข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ตาม สมัยใดลมย่อมพัดมา สมัยนั้นย่อมมีความหนาว เพราะความหนาวเกิดแต่ลม ในปัญหาข้อนี้ท่านทั้งสอง ชื่อว่าไม่แพ้กัน.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเห ได้แก่ ในปักษ์ข้างแรม หรือในปักษ์ข้างขึ้น. บทว่า ยทา วายติ มาลุโต ความว่า สมัยใด ลมอันต่างด้วยลมทิศตะวันออกเป็นต้น ย่อมพัดมา สมัยนั้นความหนาวย่อมมี. เพราะเหตุไร? เพราะความหนาวเกิดแต่ลม. อธิบายว่า เพราะเหตุที่ เมื่อลมมีอยู่นั่นแหละ ความหนาวจึงมี. ในข้อนี้ปักษ์ข้างแรมหรือปักษ์ข้างขึ้น ไม่เป็นประมาณ. บทว่า อุโภตฺถมปราชิตา ความว่า ท่านแม้ทั้งสองไม่แพ้กันในปัญหาข้อนี้.
พระโพธิสัตว์ให้สหายเหล่านั้นยินยอมกัน ด้วยประการอย่างนี้.

ฝ่ายพระศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน เราก็ตอบปัญหานี้แก่เธอทั้งหลายแล้ว
ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย
ในเวลาจบสัจจะ พระเถระแม้ทั้งสองเหล่านั้น ก็ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล.
แม้พระศาสดาก็ทรงสืบอนุสนธิ แล้วประชุมชาดก ว่า
เสือโคร่งในครั้งนั้น ได้เป็น พระกาฬะ
ราชสีห์ในครั้งนั้น ได้เป็น พระชุณหะ
ส่วนดาบสผู้แก้ปัญหาในครั้งนั้น ได้เป็น เรา แล.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น