วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

เรือนของใจ



บางขณะที่เกิดความเหงาและความอ่อนล้าทั้งใจและกาย

เราอาจจะพบว่าสาเหตุว่าลึก ๆ แล้วชีวิตต้องการและเรียกร้องคำตอบว่า


“เราใช้ชีวิตอย่างมีค่าพอหรือยัง ?”

“เราได้เข้าใกล้จุดมุ่งหมายในชีวิตนี้แล้วหรือยัง?”

เราอาจเป็นคนไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของผู้อื่นนัก

แต่เราไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกในใจของเราได้เลย

สิ่งที่เราทำหรือแสวงหาทั้งหมดในชีวิต

ก็อาจเป็นเพราะว่าเราต้องการความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มากลบเกลื่อนความรู้สึกอ้างว้างนี้

รวมทั้งเสียงหัวเราะหรือการกระทำที่กลบเกลื่อนว่ามีความสุขต่อหน้าคนรอบข้าง

ก็ไม่สามารถลบเลือนความรู้สึกในใจได้

.......................

.......................

บางคนอาจคิดง่าย ๆ ว่า...

ถ้าฉันคิดว่าฉันพอใจ และมีความสุขในสิ่งที่ฉันทำ

ใครจะทุกข์ก็ช่าง ใครจะเดือดร้อนก็ช่าง ฉันไม่สนใจ

หรือฉันทำอย่างนี้ไม่เดือดร้อนใคร

ฉันพอใจฉันก็จะทำ แล้วจะทำไม

ฉันจะเป็นก้อนหินและหนามแหลม

ที่แข็งแกร่งและพร้อมจะทิ่มแทงทุกคน

ไม่มีใครทำให้ฉันอ่อนแอและทุกข์ใจได้อีกต่อไป


อาจฟังดูแล้ว "ถูกต้อง" แต่ที่จริงแล้ว "ผิดพลาดอย่างยิ่ง"

สิ่งที่เราทำต่อตนเองหรือคนอื่นก็ตาม

ถึงไม่มีใครรู้ถึงไม่มีใครเห็น

แต่เรารับรู้และจดจำรายละเอียดได้เสมอ


จิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ของเรา

ไม่ยอมให้เราปฏิเสธการกระทำของเรา

เขาพร้อมจะเป็นพยานและผู้พิพากษาที่เที่ยงตรง

การตัดสินที่ยุติธรรมที่สุดนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว

ตั้งแต่วันที่เราได้คิดและลงมือกระทำ

โดยการจดบันทึกความคิดและการกระทำทุก ๆ อย่างเป็นผลกรรม

ที่จะติดตามตัวเราโดยไม่ต้องผ่านความคิดที่ถูกหรือผิดแต่อย่างไร


ความดีจึงไม่ใช่เป็นแค่สิ่งที่ควรทำ

แต่ความดีคือ "เรือนที่ใจของเราได้ใช้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง"

เพราะเรารับรู้ได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อได้อยู่ในเรือนใจนี้

ทุกครั้งที่หลับตานึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เราได้ทำให้แก่ตนเองและผู้อื่น

และทุกข์ใจอย่างไม่มีลืมเลือนเมื่อนึกถึงสิ่งไม่ดีที่เคยกระทำ


คนยากจนใช้ชีวิตอย่างลำบากยากไร้ ไม่มีทรัพย์สินนอกกาย

แต่จิตใจรู้จักพอเพียงในชีวิต หากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ในใจกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขจากผลบุญและการทำความดี


เศรษฐีมีเงินนับร้อยพันล้านจิตใจละโมบโลภมาก

ถึงจะมีที่ดินเงินทองข้าทาสบริวารมากล้น

ก็หาความสุขใจไม่ได้ "เมื่อนึกถึงการกระทำคดโกง"ต่าง ๆ นานา

ที่ต้องแลกมากับทรัพย์สินมากมายขนาดนี้

ความดีจึงเป็นเสมือนพาหนะและเสบียงที่พร้อมจะติดตัวระหว่างเดินทาง

เพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุด แม้ในชาตินี้และชาติหน้า


คนดีได้สร้างสวรรค์งามพร้อมขึ้นแล้วในใจ

คนเลวก็ได้สร้างนรกให้ผุดขึ้นแล้วในใจ

จิตที่คุ้นเคยกับเรือนที่อยู่แบบนี้

ก็รอเพียงวันเวลาที่จะย้ายจิตไปอยู่ที่นั้นเมื่อหมดอายุขัย


บุญกุศลและผลกรรมที่เราสร้างไว้ดีแล้วนี่เอง

คือหลักประกันที่ดีที่สุดให้ชีวิตในปัจจุบัน

และสร้างความมั่นคงในจิตใจให้คลายเหงาได้อย่างแท้จริง

หาใช่ทรัพย์สินและความสุขภายนอกแต่อย่างไรไม่


ขอบคุณที่มา :: http://www.dhammathai.org/dhammastory/view.php?No=361 :

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น