บางขณะที่เกิดความเหงาและความอ่อนล้าทั้งใจและกาย
เราอาจจะพบว่าสาเหตุว่าลึก ๆ แล้วชีวิตต้องการและเรียกร้องคำตอบว่า
“เราใช้ชีวิตอย่างมีค่าพอหรือยัง ?”
“เราได้เข้าใกล้จุดมุ่งหมายในชีวิตนี้แล้วหรือยัง?”
เราอาจเป็นคนไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของผู้อื่นนัก
แต่เราไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกในใจของเราได้เลย
สิ่งที่เราทำหรือแสวงหาทั้งหมดในชีวิต
ก็อาจเป็นเพราะว่าเราต้องการความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มากลบเกลื่อนความรู้สึกอ้างว้างนี้
รวมทั้งเสียงหัวเราะหรือการกระทำที่กลบเกลื่อนว่ามีความสุขต่อหน้าคนรอบข้าง
ก็ไม่สามารถลบเลือนความรู้สึกในใจได้
.......................
.......................
บางคนอาจคิดง่าย ๆ ว่า...
ถ้าฉันคิดว่าฉันพอใจ และมีความสุขในสิ่งที่ฉันทำ
ใครจะทุกข์ก็ช่าง ใครจะเดือดร้อนก็ช่าง ฉันไม่สนใจ
หรือฉันทำอย่างนี้ไม่เดือดร้อนใคร
ฉันพอใจฉันก็จะทำ แล้วจะทำไม
ฉันจะเป็นก้อนหินและหนามแหลม
ที่แข็งแกร่งและพร้อมจะทิ่มแทงทุกคน
ไม่มีใครทำให้ฉันอ่อนแอและทุกข์ใจได้อีกต่อไป
อาจฟังดูแล้ว "ถูกต้อง" แต่ที่จริงแล้ว "ผิดพลาดอย่างยิ่ง"
สิ่งที่เราทำต่อตนเองหรือคนอื่นก็ตาม
ถึงไม่มีใครรู้ถึงไม่มีใครเห็น
แต่เรารับรู้และจดจำรายละเอียดได้เสมอ
จิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ของเรา
ไม่ยอมให้เราปฏิเสธการกระทำของเรา
เขาพร้อมจะเป็นพยานและผู้พิพากษาที่เที่ยงตรง
การตัดสินที่ยุติธรรมที่สุดนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
ตั้งแต่วันที่เราได้คิดและลงมือกระทำ
โดยการจดบันทึกความคิดและการกระทำทุก ๆ อย่างเป็นผลกรรม
ที่จะติดตามตัวเราโดยไม่ต้องผ่านความคิดที่ถูกหรือผิดแต่อย่างไร
ความดีจึงไม่ใช่เป็นแค่สิ่งที่ควรทำ
แต่ความดีคือ "เรือนที่ใจของเราได้ใช้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง"
เพราะเรารับรู้ได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อได้อยู่ในเรือนใจนี้
ทุกครั้งที่หลับตานึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เราได้ทำให้แก่ตนเองและผู้อื่น
และทุกข์ใจอย่างไม่มีลืมเลือนเมื่อนึกถึงสิ่งไม่ดีที่เคยกระทำ
คนยากจนใช้ชีวิตอย่างลำบากยากไร้ ไม่มีทรัพย์สินนอกกาย
แต่จิตใจรู้จักพอเพียงในชีวิต หากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
ในใจกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขจากผลบุญและการทำความดี
เศรษฐีมีเงินนับร้อยพันล้านจิตใจละโมบโลภมาก
ถึงจะมีที่ดินเงินทองข้าทาสบริวารมากล้น
ก็หาความสุขใจไม่ได้ "เมื่อนึกถึงการกระทำคดโกง"ต่าง ๆ นานา
ที่ต้องแลกมากับทรัพย์สินมากมายขนาดนี้
ความดีจึงเป็นเสมือนพาหนะและเสบียงที่พร้อมจะติดตัวระหว่างเดินทาง
เพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุด แม้ในชาตินี้และชาติหน้า
คนดีได้สร้างสวรรค์งามพร้อมขึ้นแล้วในใจ
คนเลวก็ได้สร้างนรกให้ผุดขึ้นแล้วในใจ
จิตที่คุ้นเคยกับเรือนที่อยู่แบบนี้
ก็รอเพียงวันเวลาที่จะย้ายจิตไปอยู่ที่นั้นเมื่อหมดอายุขัย
บุญกุศลและผลกรรมที่เราสร้างไว้ดีแล้วนี่เอง
คือหลักประกันที่ดีที่สุดให้ชีวิตในปัจจุบัน
และสร้างความมั่นคงในจิตใจให้คลายเหงาได้อย่างแท้จริง
หาใช่ทรัพย์สินและความสุขภายนอกแต่อย่างไรไม่
ขอบคุณที่มา :: http://www.dhammathai.org/dhammastory/view.php?No=361 :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น